แนะนำการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล โดยแพทย์เฉพาะทาง
New You Clinic พร้อมให้คำปรึกษา โดยวิเคราะห์ปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ไปจนถึงการตัดกระเพาะลดความอ้วน
- บริการปรึกษาน้ำหนักตัวเกิน
- การใช้ยาเพื่อควบคุมระดับความหิว
- การออกกำลังกายโดยนักกายภาพบำบัด
- ปรึกษาด้านโภชนาการ
- ปรึกษาการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- ปรึกษาลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัดส่องกล้องลดขนาดกระเพาะ
ลดน้ำหนักมาหลายวิธีแต่ยังไม่เห็นผล ?
โปรแกรมควบคุมน้ำหนัก Weight Management ของ New You Clinic มีแพทย์และพยาบาลเฉพาะทาง ดูแลและติดตามผลการรักษาอย่างละเอียด ใกล้ชิด พร้อมให้คำแนะนำทั้งการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี รวมถึงออกแบบวิธีการลดน้ำหนักเฉพาะบุคคล พร้อมปากกาลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นยาลดน้ำหนักที่มีลักษณะเหมือนแท่งปากกา โดยจะออกฤทธิ์ลดความอยากอาหาร จึงช่วยให้การลดน้ำหนักง่ายขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ ให้รูปร่างสมดุลอย่างสุขภาพดีแบบยั่งยืน โดยเป็นการปรับวิธีรักษาให้ตรงจุดแบบตัวต่อตัว จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะการควบคุมน้ำหนักจะได้ผลดีและต่อเนื่อง จำเป็นต้องทราบถึงปัญหาของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ว่าเกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากบางรายอาจมีปัจจัยบางอย่างผิดปกติ เช่น ระบบเผาผลาญผิดปกติ ร่างกายไม่เผาผลาญอาหารที่รับประทาน ซึ่งการปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพอาจเพียงพอสำหรับบางคน แต่บางคนอาจต้องพึ่งพาการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักแบบไม่ผ่าตัด
เป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม เช่น
-
การควบคุมอาหาร โดยปรับให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง
-
การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเผาผลาญพลังงานและไขมันส่วนเกิน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
-
การใช้ยา ยาลดน้ำหนักสามารถช่วยควบคุมความอยากอาหารและลดความอยากอาหารได้ แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
การลดน้ำหนักแบบผ่าตัด
ทำความรู้จัก การผ่าตัดส่องกล้องลดขนาดกระเพาะคืออะไร ?
การผ่าตัดลดความอ้วน หรือการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนทางเดินอาหารให้กระเพาะอาหารมีขนาดเล็กลง โดยมีจุดประสงค์ในการลดน้ำหนัก รักษาโรคอ้วนและโรคที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ไขมันสูง ความดันสูง ไขมันเกาะตับ เบาหวาน รวมถึงการหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ให้ผลสำเร็จได้ดีที่สุดในปัจจุบัน โดยการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักมีวิธีการซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก ดังนี้
-
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารผ่านกล้อง (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy : LSG)
เป็นการผ่าตัดโดยใช้กล้อง ซึ่งจะสามารถย่อขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง เหลือเป็นทรงถุงยาว ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว ทานอาหารได้น้อยลง อีกทั้งยังสามารถลดฮอร์โมนควบคุมความอยากอาหารได้อีกด้วย -
การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหารผ่านกล้อง (Laparoscopic Roux-en-Y Gastric Bypass : LRYGB)
วิธีนี้จะผ่าตัดโดยแบ่งกระเพาะอาหารออกเป็นสองส่วน ให้มีส่วนที่รับอาหารเล็กลงและทำการเชื่อมต่อกับลำไส้เล็กส่วนกลาง จึงช่วยลดการดูดซึมสารอาหารและความอยากอาหาร
ทำความรู้จัก การผ่าตัดส่องกล้องลดขนาดกระเพาะคืออะไร ?
• ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
• มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 32.5
• ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยตัวเองมาแล้วแต่ไม่ได้ผล
สำหรับผู้ที่อยากเช็กภาวะอ้วนของตนเอง แต่ยังไม่รู้ว่ามีวิธีวัดอย่างไร ก็สามารถเลือกตรวจสอบได้จากค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดค่าความอ้วนที่ใช้กันอย่างสากล โดยคำนวณจาก น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง จึงจะได้ผลลัพธ์ที่นำมาตรวจสอบภาวะของร่างกาย ดังนี้
ประโยชน์จากการรักษาโรคอ้วน โดยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เป็นวิธีรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือมีค่า BMI เกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีประโยชน์ ดังนี้
-
ลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน โดยพบว่า ผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะอาหารสามารถลดน้ำหนักตัวลงได้ร้อยละ 50-70 ภายใน 1-2 ปี และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ในระยะยาว
-
ควบคุมโรคเรื้อรัง โดยสามารถช่วยควบคุมหรือรักษาโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ไขมันสะสมในตับ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
-
ปรับปรุงคุณภาพชีวิต การได้ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะช่วยให้รู้สึกคล่องตัว กระฉับกระเฉง นอนหลับดีขึ้น มีพลังงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ เพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมให้ดีขึ้น
-
ลดความเสี่ยงต่อโรคร้าย เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งบางชนิด
วิธีการดูแลตัวเองหลังตัดกระเพาะลดความอ้วน
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและป้องกันภาวะแทรกซ้อน รวมถึงลดโอกาสที่น้ำหนักตัวจะกลับขึ้นมาจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดอย่างละเอียด ดังนี้
-
รับประทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนในช่วงแรก โดยในช่วงประมาณ 4-6 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อน เช่น น้ำซุป โยเกิร์ต เพื่อให้อวัยวะภายในได้พักฟื้นและให้แผลสมานกันดี
-
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นฟูจนแข็งแรงขึ้น ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ โปรตีน และธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารทอด อาหารหวาน น้ำอัดลม
-
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ โดยควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษและป้องกันภาวะขาดน้ำ
-
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เป็นเวลา 3-5 วันต่อสัปดาห์ เน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ
-
ติดตามผลกับแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจวัดน้ำหนัก ตรวจสุขภาพ และรับคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง
การผ่าตัดลดน้ำหนัก อันตรายไหม
การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน เดิมเป็นการผ่าตัดใหญ่ ที่อาจมีความเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดทั่วไป เช่น การติดเชื้อ เลือดออก ปอดติดเชื้อ แต่ด้วยเทคนิคการผ่าตัดในปัจจุบันมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น อย่างเทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องลดขนาดกระเพาะที่ทำโดยการส่องกล้องขนาดเล็กเข้าไป ทำให้ไม่เกิดแผลเปิดขนาดใหญ่ที่หน้าท้อง จึงสามารถฟื้นตัวไว ช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการผ่าตัด ประกอบกับหากตัดสินใจเลือกผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักกับโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ ก็จะทำให้ความเสี่ยงเหล่านี้ลดลงได้มาก อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดกระเพาะอาหารอาจไม่ใช่ทางเลือกสำหรับทุกคน จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมก่อนตัดสินใจ
New You Clinic ให้บริการผ่าตัดลดน้ำหนักที่ชลบุรี ในราคาสมเหตุสมผล
มองหาทางเลือกผ่าตัดกระเพาะที่ไหนดีในจังหวัดชลบุรี ถึงจะมีแพทย์ผู้มากประสบการณ์คอยให้คำแนะนำอย่างเหมาะสม ? ที่ New You Clinic By Samitivej Chonburi มีแพทย์และพยาบาลเฉพาะทางที่คอยดูแลและติดตามผลการรักษาอย่างละเอียด ใกล้ชิด พร้อมให้คำแนะนำเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด สนใจสอบถามราคาผ่าตัดกระเพาะอาหารและโปรโมชันโรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรีได้ที่เบอร์ 033-038-888 หรือ LINE: @dr.samitchon (มี @ ด้วย)
รับประทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนในช่วงแรก โดยในช่วงประมาณ 4-6 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อน เช่น น้ำซุป โยเกิร์ต เพื่อให้อวัยวะภายในได้พักฟื้นและให้แผลสมานกันดี
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นฟูจนแข็งแรงขึ้น ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ โปรตีน และธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารทอด อาหารหวาน น้ำอัดลม
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ โดยควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษและป้องกันภาวะขาดน้ำ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เป็นเวลา 3-5 วันต่อสัปดาห์ เน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ
ติดตามผลกับแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจวัดน้ำหนัก ตรวจสุขภาพ และรับคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง
สถานที่ตั้ง : ชั้น 1 อาคาร B
เวลาทำการ : 08.00-20.00
ติดต่อศูนย์ : 033-038988