แบคทีเรียร้ายในกระเพาะอาหาร . . . ภัยร้ายของกระเพาะอาหาร
(ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ) ผู้เขียนบทความ : นายแพทย์ ปารินทร์ ศิริวัฒน์
เอชไพโลไร (H pylori)
เอชไพโลไร เป็นเชื้อแบคที่เรียแกรมลบ ถูกพบบนพื้นผิวของกระเพาะอาหารครั้งแรกเมื่อปี คศ.1984
โดย Barry J. Marshall and Robin Warren นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ปัจจุบันพบว่า มากกว่า 50% ของประชากรโลกมีการติดเชื้อเอชไพโลไร ซึ่งติดต่อผ่านทางน้ำลายและการกินอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลาง
การติดเชื้อเอชไพโลไรจะก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื่อกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก นำไปสู่การเกิดอาการไม่สบายท้อง มีอาการปวดท้อง อืดแน่นท้อง และก่อให้เกิดโรคในกระเพาะอาหารมากมาย เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิด มะเร็งกระเพาะอาหาร
การวินิจฉัยการและการรักษา
การวินิจฉัยทำได้หลายวิธี ได้แก่
1.การ ส่องกล้องในกระเพาะอาหาร (EGD) เพื่อตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
2.การตรวจลมหายใจ (UBT)
3.การตรวจการติดเชื้อในอุจจาระ ( Stool H.pylori Antigen )
แต่วิธีที่เป็นมาตรฐานในการตรวจวินิจฉัยคือ การส่องกล้องเพื่อเข้าไปตัดชิ้นเนื้อ ในกระเพาะอาหารมาตรวจ
โดยวิธีการส่องกล้องในกระเพาะอาหารนั้นทำได้ไม่ยุ่งยาก เมื่อทำเสร็จแล้วพักสังเกตอาการเพียงครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงก็สามารถกลับบ้านได้ การส่องกล้องทางกระเพาะอาหารในผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้องนั้นนอกจาก จะตรวจเรื่องของการติดเชื้อเอชไพโลไรแล้วยังสามารถตรวจว่ามีแผลในกระเพาะอาหารหรือมีมะเร็งกระเพาะอาหารหรือไม่
ปัจจุบันนี้ทางสมาคมโรคทางเดินอาหารแห่งประเทศไทยแนะนำให้ผู้ป่วยอายุเกิน 50 ปี ที่มีอาการปวดท้องเกิดขึ้นใหม่ ควรได้รับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนทุกราย หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยการติดเชื้อ เอช.ไพโลไรจะได้รับการรักษาโดย การให้ยายับยั้งการหลั่งกรดร่วมกับยาปฏิชีวนะ เมื่อได้รับการรักษาควรกลับมาตรวจยืนยันการติดเชื้อว่าได้หายขาดแล้ว
สําหรับผู้ที่สงสัยว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบทางเดินอาหาร หรือคนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ควรตรวจหาความเสี่ยง หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายต่อไป
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมระบบโรคทางเดินอาหารและตับ