รู้จักและป้องกันโรคอ้วน ภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพ
(คลินิกลดน้ำหนัก ให้บริการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน) ผู้เขียนบทความ : ผู้ดูแล

โรคอ้วน เกิดจากอะไร ? พร้อมศึกษาวิธีรักษาอย่างถูกต้อง
ด้วยปัจจัยการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และขาดการออกกำลังกาย ทำให้หลายคนละเลยการดูแลสุขภาพ ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วน จึงกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลใจ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว การเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีรักษาโรคอ้วน จึงเป็นสิ่งสำคัญ
โรคอ้วน คืออะไร ?
โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยทั่วไปจะวัดจากดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) ซึ่งคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง หากมีค่า BMI เกิน 30 ขึ้นไป จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วน
สูตรการหาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วย ส่วนสูง (เมตร)2
เช่น ผู้หญิงคนหนึ่งมีน้ำหนักตัว 63 กิโลกรัม สูง 163 เซนติเมตร จะคำนวณค่า BMI ได้ดังนี้
BMI = 63 / (1.63)2
BMI = 63 / 2.6569
BMI = 23.71
จึงยังไม่อยู่ในภาวะโรคอ้วน
ส่องปัจจัยเสี่ยง โรคอ้วนเกิดจากอะไร ?
โรคอ้วนไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลรวมของปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลต่อการสะสมไขมันในร่างกายและการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว การเข้าใจถึงปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นจะสามารถป้องกันภาวะเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยวางแผนการรักษาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่มีบทบาทต่อการเกิดโรคอ้วนมีดังนี้
พันธุกรรม
ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคอ้วน จะมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกินมากกว่าคนทั่วไป โดยพันธุกรรมเหล่านี้อาจส่งผลต่อความอยากอาหาร การเผาผลาญพลังงาน รวมถึงการสะสมไขมันในร่างกาย
การใช้ชีวิต
พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น การบริโภคอาหารแปรรูป อาหารทอด หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ร่วมกับการไม่ออกกำลังกาย ถือเป็นตัวเร่งให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อการเกิดโรคอ้วนอย่างมาก
อายุ
เมื่ออายุมากขึ้นอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น อัตราการเผาผลาญและมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง ทำให้ร่างกายสะสมไขมันได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมก็ตาม
โรคและยา
โดยโรคบางชนิดที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ไทรอยด์ต่ำ หรือกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ (Prader-Willi Syndrome) อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน นอกจากนี้ ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์และยาต้านเศร้า อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอ้วน
โรคอ้วนไม่ได้เป็นเพียงปัญหาที่สะท้อนออกมาทางรูปลักษณ์ภายนอกหรือการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยเงียบที่ซ่อนเร้น ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนี้
โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือดจะส่งผลให้หลอดเลือดตีบและลดการไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจและอวัยวะสำคัญ นอกจากนี้ โรคอ้วนยังสัมพันธ์กับระดับคอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งเพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
โรคข้อเข่าเสื่อม
น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานส่งผลให้ข้อเข่าต้องรับแรงกดมากขึ้น โดยเฉพาะในกิจกรรมที่ต้องเดิน ยืน หรือวิ่งในชีวิตประจำวัน การเสียดสีและแรงกดทับที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้กระดูกอ่อนที่ข้อเข่าสึกหรอเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ไขมันส่วนเกินบริเวณรอบคอและทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดการกดทับบริเวณหลอดลม ทำให้เกิดการอุดกั้นของการไหลเวียนอากาศในขณะนอนหลับ ภาวะนี้ทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วขณะซ้ำ ๆ ตลอดทั้งคืน ส่งผลให้ร่างกายขาดออกซิเจนและนอนหลับไม่สนิท
โรคเบาหวาน
โรคอ้วน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและพัฒนาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในที่สุด อีกทั้งการมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติในระยะยาว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น โรคไตเสื่อมและโรคหลอดเลือด
วิธีรักษาโรคอ้วน
การป้องกันและรักษาโรคอ้วน จำเป็นต้องปรับให้เหมาะสมกับสาเหตุและระดับความรุนแรงของแต่ละคน ดังนี้
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นพื้นฐานสำคัญในการจัดการโรคอ้วน เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มน้ำหนัก โดยมีสิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนและทำเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ได้แก่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือโยคะ เพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและลดไขมันสะสม รวมถึงการจำกัดและแบ่งสัดส่วนของอาหารในแต่ละมื้อให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วน
ลดอาหารแปรรูป อาหารทอด เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
การควบคุมอาหารเป็นหนึ่งในวิธีการที่สำคัญที่สุดในการจัดการน้ำหนักตัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรควบคุมการรับประทาน ดังนี้ ลดการบริโภคไขมันทรานส์และน้ำตาล โดยไขมันทรานส์ในอาหารแปรรูป เช่น
- ลดการบริโภคไขมันทรานส์และน้ำตาล โดยไขมันทรานส์ในอาหารแปรรูป เช่น ขนมอบ และน้ำตาลในเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เป็นสาเหตุของการเพิ่มน้ำหนักและความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
- เพิ่มผักและผลไม้ ที่เป็นแหล่งของใยอาหาร ซึ่งจะช่วยให้อิ่มนานและลดความอยากอาหาร
- เลือกโปรตีนไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ไก่ และถั่ว เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดการสะสมไขมัน
การใช้ยา
ในกรณีที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการควบคุมอาหารไม่เพียงพอ การใช้ยาลดน้ำหนักอาจเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ควรซื้อยาใช้เอง เนื่องจากยาลดน้ำหนักบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง เช่น ทำให้ใจสั่น คลื่นไส้ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร จึงควรปรึกษาแพทย์และต้องใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์โดยเฉพาะ โดยยาที่ใช้ เช่น
- ยาควบคุมความอยากอาหาร เพื่อช่วยลดความหิวและทำให้บริโภคอาหารได้น้อยลง
- ยาลดการดูดซึมไขมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการน้ำหนัก
ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน
สำหรับผู้ที่มีโรคอ้วนระดับรุนแรง การผ่าตัดกระเพาะอาหารเป็นวิธีรักษาโรคอ้วนที่ได้ผลในระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดปริมาณอาหารที่รับประทานและเร่งการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ แต่จะต้องอาศัยการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางและการติดตามผลอย่างใกล้ชิด
การรักษาโรคอ้วนต้องอาศัยการผสมผสานวิธีการที่เหมาะสมตามสาเหตุและระดับความรุนแรงของโรค ซึ่งการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องและการติดตามผลอยู่เสมอจะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว หากกำลังมองหาทางเลือกผ่าตัดกระเพาะที่ไหนดี ถึงจะมีแพทย์ผู้มากประสบการณ์และคอยให้คำแนะนำอย่างเหมาะสม ? ที่ New You Clinic By Samitivej Chonburi มีแพทย์และพยาบาลเฉพาะทางด้านการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วนที่คอยดูแลและติดตามผลการรักษาอย่างละเอียด ใกล้ชิด พร้อมให้คำแนะนำเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด
สนใจสอบถามราคาค่าผ่าตัดกระเพาะอาหารและโปรโมชันโรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี ได้ที่เบอร์ 033-038888 หรือ LINE: @dr.samitchon (มี @ ด้วย)
ข้อมูลอ้างอิง:
Overweight and Obesity Causes and Risk Factors. สืบค้นวันที่ 6 มกราคม 2568 จาก https://www.nhlbi.nih.gov/health/overweight-and-obesity/causes