ป้องกัน RSV เด็กแรกเกิด – 2 ขวบได้ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Nirsevimab)
(ศูนย์สุขภาพเด็ก) ผู้เขียนบทความ : ผู้ดูแล

ป้องกัน RSV เด็กแรกเกิด – 2 ขวบได้ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Nirsevimab)
ไวรัส RSV: ไวรัสทางเดินหายใจที่พ่อแม่ต้องรู้จัก
RSV คืออะไร?
Respiratory Syncytial Virus (RSV) เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก พบว่าประมาณ 90% ของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปีสามารถติดเชื้อนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง และมากกว่า 50% ของผู้ติดเชื้อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ไวรัส RSV สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและเป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดอักเสบและหลอดลมอักเสบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
อาการของการติดเชื้อ RSV ในเด็ก
• เริ่มต้นด้วยอาการคล้ายไข้หวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอ มีเสียงหวีดในปอด
• มีไข้
• เบื่ออาหาร กินได้น้อยลง
• ไม่ร่าเริง เล่นน้อยลง
• ร้องไห้งอแง
• หายใจติดขัด หยุดเป็นพักๆ
อาการรุนแรงที่ต้องรีบพบแพทย์
• หายใจเร็วและถี่
• ไอรุนแรง หรือมีเสียงหวีดในปอดตลอดเวลา
• ปากหรือเล็บมีสีเขียวคล้ำ
• จมูกบาน หรือมีอาการอกบุ๋มขณะหายใจ
• ไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส (โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 3 เดือน)
หากพบอาการข้างต้น ควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและอาจแสดงอาการได้ไม่ชัดเจน
การป้องกันการติดเชื้อ RSV ด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Nirsevimab)
ในปัจจุบัน มีวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการติดเชื้อ RSV และลดความรุนแรงของโรคในเด็ก ด้วยการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV (Nirsevimab) ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อต้านเชื้อไวรัส RSV ได้ทันที
ประสิทธิภาพของ Nirsevimab
• ลดโอกาสติดเชื้อ RSV ได้ถึง 79.5%
• ลดความเสี่ยงจากการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจาก RSV ได้ถึง 83.2%
• ลดอัตราการเข้ารักษาในหอผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) ได้ 75.3%
• มีประสิทธิภาพป้องกันได้นานถึง 5 เดือน ครอบคลุมช่วงระบาดของ RSV
ช่วงวัยที่สามารถรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV ได้
ฤดูกาลแรก
• ทารกแรกเกิด – 12 เดือนที่แข็งแรงดีทุกคน
• ทารกอายุต่ำกว่า 8 เดือนควรได้รับการฉีด และอาจพิจารณาฉีดในทารกอายุ 8-12 เดือน
• ทารกกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น
• ทารกที่เคยคลอดก่อนกำหนดและมีภาวะปอดเรื้อรัง
• เด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง
• เด็กที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและยังคงอยู่ในระหว่างการรักษา
ฤดูกาลที่สอง
• ทารกแรกเกิด – 24 เดือนที่ยังมีความเสี่ยงสูงต่อโรค RSV
• เด็กอายุ 12 - 19 เดือนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง
• อาจพิจารณาให้ในเด็ก 19 - 24 เดือน ที่มีความเสี่ยงสูง
ปริมาณการฉีดที่แนะนำ
• ทารกน้ำหนัก < 5 กก. : 50 มก. (ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว)
• ทารกน้ำหนัก > 5 กก. : 100 มก. (ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว)
• เด็กอายุ 12-24 เดือน : 200 มก. (ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 ตำแหน่ง)
ข้อควรระวังในการฉีดภูมิคุ้มกัน RSV
ห้ามฉีดในเด็กที่มีประวัติแพ้รุนแรงต่อ Nirsevimab หรือส่วนประกอบของยา เช่น arginine และ histidine
ประโยชน์ของการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV
• ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนทางระบบทางเดินหายใจในระยะยาว เช่น โรคหืด หรือหลอดลมไว
• ลดภาระค่าใช้จ่ายจากค่ารักษาพยาบาลและการลางานของพ่อแม่
• ลดภาระด้านสาธารณสุข เนื่องจากการรักษาเด็กที่ติดเชื้อ RSV มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.75 พันล้านบาทต่อปีในประเทศไทย
หมายเหตุสำคัญ
• ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนตามวัยได้โดยไม่ต้องเว้นระยะ
• สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนอื่นๆ ได้ในครั้งเดียวกัน โดยฉีดคนละตำแหน่ง
การป้องกัน RSV ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการดูแลลูกน้อยให้ปลอดภัยจากโรคร้ายแรงนี้ หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพของเด็กให้ดีที่สุด

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━