033-038-888

ทำความเข้าใจกับโรคซิฟิลิส: อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

(All Gender Clinic) ผู้เขียนบทความ : นายแพทย์ มั่นจิตต์ ณ สงขลา

ทำความเข้าใจกับโรคซิฟิลิส: อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

โรคซิฟิลิส (Syphilis)

 


       ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรีย Treponema pallidum ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ช่องปาก หรือทางทวารหนัก โดยหากไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เกิดความเสี่ยงทางสุขภาพที่ร้ายแรง นอกจากนี้ ซิฟิลิสยังสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ทารกในครรภ์ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดซิฟิลิสแต่กำเนิดที่สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ความเสียหายทางระบบประสาท ล้มเหลวของอวัยวะ การคลอดทารกตาย หรือทารกเสียชีวิตหลังคลอดได้ ผู้ที่เป็นโรคซิฟิลิสอาจไม่มีอาการที่สังเกตได้ชัดเจน หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ทำให้การวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการป้องกันซิฟิลิสสามารถทำได้โดยการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องและสม่ำเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์


อาการของโรคซิฟิลิส
ซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะเริ่มต้น (Primary stage), ระยะสอง (Secondary stage), ระยะซ่อน (Latent stage) และระยะท้าย (Tertiary stage) โดยแต่ละระยะจะมีอาการที่แตกต่างกัน

 

ระยะเริ่มต้น (Primary stage):
•    แผลเล็กๆ หรือแผลพอง (Chancre) บริเวณอวัยวะเพศ (อวัยวะเพศชาย ช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก) ซึ่งมักไม่เจ็บและอาจมีเพียงแผลเดียวหรือมากกว่า
•    ต่อมน้ำเหลืองบวม (เช่น บริเวณคอ ขาหนีบ หรือรักแร้) มักเกิดขึ้นพร้อมกับแผล 

ระยะเริ่มต้นโดยส่วนใหญ่แผลจะหายเองในเวลา 3-6 สัปดาห์ หากไม่รักษาโรคจะเข้าสู่ระยะที่สอง

 

ระยะสอง (Secondary stage):
•    มีผื่นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ซึ่งอาจลามไปทั่วร่างกาย ผื่นมักจะไม่คัน
•    การเติบโตของเนื้องอกสีขาวหรือสีเทา ซึ่งพบได้ที่อวัยวะเพศ ช่องคลอด หรือรอบๆ ทวารหนัก
•    ต่อมน้ำเหลืองบวม
•    มีไข้
•    ปวดกล้ามเนื้อ
•    ปวดหัว
•    เบื่ออาหาร
•    เจ็บคอ
•    น้ำหนักลด
•    ปวดข้อ

ซิฟิลิสระยะที่สองมักจะหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์แม้ไม่รักษา แต่โรคจะเข้าสู่ระยะซ่อน

 

ระยะซ่อน (Latent stage): ในระยะนี้จะไม่มีอาการชัดเจน แต่แบคทีเรียยังคงมีอยู่ในร่างกาย หากไม่รับการรักษาจะสามารถติดเชื้ออยู่ในร่างกายเป็นเวลาหลายปี

 

ระยะท้าย (Tertiary stage): ระยะสุดท้ายจะปรากฏอาการเมื่อผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปี หลังจากการติดเชื้อครั้งแรก อาการจะขึ้นอยู่กับส่วนของร่างกายที่ได้รับการติดเชื้อ เช่น ซิฟิลิสที่ส่งผลต่อหลอดเลือด (เช่น หลอดเลือดใหญ่โป่งพอง) หรือระบบประสาท (เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อัมพาต ความเสื่อมของประสาท) ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

การวินิจฉัยโรคซิฟิลิส:
•    การตรวจเลือด

 

การป้องกันโรคซิฟิลิส:
•    การใช้ถุงยางอนามัยในขณะมีเพศสัมพันธ์
•    หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีอาการของโรคซิฟิลิส
•    ตรวจการติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ หากมีการมีเพศสัมพันธ์
•    รับประทานยาสำหรับป้องกันหลังการสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ (DoxyPEP)

 

ผู้ที่ควรตรวจหาโรคซิฟิลิส:
•    ผู้ที่มีอาการของโรคซิฟิลิส
•    คู่รักของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซิฟิลิส
•    ผู้ที่มีเชื้อ HIV
•    ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM)
•    ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับหลายๆ คน
•    ผู้ที่ตั้งครรภ์ (ในการตรวจครั้งแรกของการฝากครรภ์)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

นพ.มั่นจิตต์ ณ สงขลา สาขาอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี





icon-articleบทความประจำศูนย์

ดูทั้งหมด