การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร (All Gender Clinic) ผู้เขียนบทความ : นายแพทย์ มั่นจิตต์ ณ สงขลา การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STIs) การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร? การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิต ซึ่งสามารถแพร่กระจายระหว่างคู่นอนผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางปาก ทางทวารหนัก และทางช่องคลอด โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคหนองในแท้ (gonorrhea) หนองในเทียม (chlamydia) ซิฟิลิส (syphilis) พยาธิช่องคลอด (trichomonas) ไวรัสเริม (herpes) ไวรัสเอชพีวี (HPV) และเชื้อเอชไอวี (HIV) หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อเหล่านี้อาจส่งผลร้ายแรง เช่น โรคทางระบบประสาทและหัวใจหลอดเลือด ภาวะมีบุตรยาก การตั้งครรภ์นอกมดลูก ทารกเสียชีวิตในครรภ์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี นอกจากนี้ การติดเชื้อบางชนิดอาจส่งผ่านจากแม่สู่ลูกในระหว่างการตั้งครรภ์และการให้นมบุตร อาการของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อาจมีอาการแสดงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่าดังนี้: • ของเหลวผิดปกติออกจากอวัยวะเพศ (อวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง หรือทวารหนัก) • แผลพุพองหรือแผลเล็ก ๆ บนอวัยวะเพศ • ปัสสาวะบ่อยหรือปวดขณะปัสสาวะ • อาการคันและแดงในบริเวณอวัยวะเพศ • แผลพุพองหรือแผลรอบปาก • กลิ่นผิดปกติในช่องคลอด • คันทวารหนัก เจ็บ หรือมีเลือดออก • ปวดท้อง • ผื่น ระยะเวลาของแสดงอาการขึ้นอยู่กับชนิดของการติดเชื้อ โดยการติดเชื้อบางชนิดจะไม่มีการแสดงอาการ ทำให้ไม่ทราบว่าติดเชื้อและอาจแพร่เชื้อไปยังคู่นอนได้ การวินิจฉัยการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การวินิจฉัยโรคสามารถทำได้โดย 3 วิธีดังนี้ • ตรวจเลือด • เก็บปัสสาวะ • เก็บของเหลวจากแผล การป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ • ใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ • การฉีดวัคซีนเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ โดยมีวัคซีนป้องกันโรคไวรัส 2 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) และไวรัสเอชพีวี (HPV) ใครบ้างที่ควรตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ตรวจหาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ทุก 6 เดือนหากคุณมีพฤติกรรมที่ตรงกับอาการเหล้านี้อย่างน้อย 1 ข้อ • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนตั้งครรภ์ เนื่องจากการติดเชื้อสามารถส่งผ่านไปยังทารกได้ • ผู้ที่มีอาการบ่งชี้ว่าอาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ • ผู้ที่มีประวัติเคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ • ผู้ที่เคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.มั่นจิตต์ ณ สงขลา สาขาอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี