033-038-888

การรักษาอาการปวดหลังและคอด้วยเทคนิคใหม่: RF Rhizotomy และ Endoscopic Nucleoplasty

(ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ) ผู้เขียนบทความ : นายแพทย์ ศรัณย์ ไพรัชเวทย์

การรักษาอาการปวดหลังและคอด้วยเทคนิคใหม่: RF Rhizotomy และ Endoscopic Nucleoplasty

   การปวดหลังและปวดคอเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานออฟฟิศ นั่งนาน ๆ หรือผู้สูงอายุ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทหรือข้อกระดูกที่เสื่อมสภาพ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเทคนิคการรักษาสมัยใหม่ที่ใช้ในกรณีดังกล่าว ได้แก่ RF Rhizotomy และ Endoscopic Nucleoplasty ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีการฟื้นตัวเร็ว

 

1. RF Rhizotomy

  RF Rhizotomy คือ การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) ในการทำลายเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณปวดจากบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical Spine) หรือส่วนเอว (Lumbar Spine) ขั้นตอนนี้ช่วยลดการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมอง และเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดที่เกิดจากข้อกระดูกหรือเส้นประสาทที่เสื่อมสภาพ

 วิธีการทำงาน : แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กใส่เข้าไปยังจุดที่เส้นประสาทเชื่อมต่อกับกระดูก จากนั้นใช้ความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุทำลายเส้นประสาทที่ทำให้เกิดการปวด ซึ่งช่วยลดหรือระงับความเจ็บปวดได้

   ข้อดี :

  • ช่วยบรรเทาอาการปวดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา

 

2. Endoscopic Nucleoplasty

   Endoscopic Nucleoplasty เป็นการรักษาอาการปวดหลังที่เกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยเฉพาะในกรณีที่หมอนรองกระดูกมีการเคลื่อนหรือปลิ้นออกมาทับเส้นประสาท วิธีนี้ใช้การส่องกล้องเข้าไปในพื้นที่แคบ ๆ เพื่อลดขนาดหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาท ทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาลง

  วิธีการทำงาน : การส่องกล้องเป็นวิธีที่แผลเล็ก โดยแพทย์จะใช้กล้องเล็ก ๆ แทรกเข้าไปในตำแหน่งที่หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท และจะทำการดูดหรือเผาหมอนรองกระดูกบางส่วนออกไป เพื่อลดแรงกดทับ

     ข้อดี:

  • แผลเล็ก พักฟื้นเร็ว
  • ลดการเจ็บปวดทันทีหลังการรักษา
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่

 

3. Endoscopic Rhizotomy สำหรับข้อต่อ Facet ที่เอว หรือ SI Joint

   สำหรับผู้ที่มีอาการปวดที่มาจากข้อต่อกระดูกเอว (Lumbar Facet Joint) หรือข้อต่อกระดูก SI Joint (Sacroiliac Joint) ซึ่งเชื่อมต่อกระดูกเชิงกรานกับกระดูกสันหลัง สามารถใช้ Endoscopic Rhizotomy ในการรักษาได้ วิธีนี้จะเน้นการใช้กล้องส่องเพื่อเข้าไปตัดหรือทำลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับข้อต่อกระดูกที่ทำให้เกิดอาการปวด

   วิธีการทำงาน : การส่องกล้องช่วยให้แพทย์มองเห็นข้อต่อและเส้นประสาทได้ชัดเจน จากนั้นจะใช้เครื่องมือเพื่อทำลายเส้นประสาทที่เป็นสาเหตุของความเจ็บปวด ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดได้ในระยะยาว

     ข้อดี :

  • ลดความเจ็บปวดจากข้อกระดูก
  • ฟื้นตัวเร็ว
  • ลดการพึ่งพายาแก้ปวดในระยะยาว

     

 เทคนิคเหล่านี้เป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยลดการผ่าตัดใหญ่และให้ผลลัพธ์ที่ดีในการบรรเทาอาการปวดหลังและคอเหมาะกับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาและต้องการวิธีที่ปลอดภัย ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินว่าการรักษาแบบใดเหมาะสมกับอาการ


 

------------------------------------------------------------------------------

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : นายแพทย์ ศรัณย์ ไพรัชเวทย์ ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี

ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ รพ.สมิติเวช ชลบุรี : 033-038878

อาคาร B ชั้น 1 (Building B, 1st floor) 8.00 a.m. - 8.00 p.m.





doctor icon
แนะนำแพทย์ ประจำศูนย์

icon-articleบทความประจำศูนย์

ดูทั้งหมด
เมื่อลูกน้อย...เท้าบิดหมุนเข้าใน_2

เมื่อลูกน้อย...เท้าบิดหมุนเข้าใน

เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากัน เกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา มีลักษณะการเดินผิดปกติและปัญหาเรื่องความสวยงามของขาที่ผิดรูป การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง เด็กที่มีเท้าบิดหมุนเข้าใน เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากันเกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ต้นขา หน้าแข้ง และเท้า แต่ละส่วนมีแนวทางการตรวจติดตาม และรักษา แตกต่างกันเล็กน้อย การบิดหมุนของส่วนต้นขา พบมากที่สุด ส่วนใหญ่จะหายได้เอง ก่อนอายุ 10 ปี การดัดและการตัดรองเท้า ไม่ช่วยในการหาย พยายามเลี่ยงการนั่งในท่า W แต่ไม่จำเป็นต้องให้นั่งขัดสมาธิ ในเด็กที่ทำไม่ได้ อาจให้นั่งเหยียดขาแทนเวลานั่งพื้น การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนของหน้าแข้ง พบได้น้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น ส่วนใหญ่จะหายเองก่อนอายุ 4 ปี การรักษาเบื้องต้นเพียงติดตามอาการเท่านั้น การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนที่เท้า พบได้ค่อนข้างบ่อย สังเกตได้จากเท้าจะโค้งคล้ายกล้วย ถ้าสามารถดัดได้ง่าย โอกาสหายเองสูง ถ้าดัดได้ยากอาจพิจารณาใส่เฝือกหรือตัดรองเท้าช่วย ส่วนใหญ่หายเองก่อน 4 ขวบ ในกรณีที่ยังเป็นจนโต อาจพิจารณาผ่าตัดในรายที่มีปัญหาการใส่รองเท้า และกังวลเรื่องความสวยงาม
อ่านต่อ